มายองเนส คือ?

มายองเนส คือ

มายองเนส (Mayonnaise)

มายองเนส เป็นซอสชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผสม ไข่แดง น้ำมันพืช และน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู ตีเข้าด้วยกันจนได้ซอสข้น สีครีม มีรสชาติหวานมัน อมเปรี้ยวนิดๆ เนื้อเข้มข้นออกแนวครีมมี่ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส นิยมใช้เป็นเบสของซอสอื่นเช่น Aioli ซอสฮอลแลนเดซ Thousand Island หรือ ทาร์ทาร์ซอส (Tartare Sauce) และนิยมนำมารับประทานคู่กันกับเมนูของทอดเป็นดิป ปัจจุบันมายองเนสได้รับความนิยมมากขึ้น และเริ่มใช้ทานคู่หรือทำอาหารชนิดอื่นๆ แพร่หลายทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยมายองเนสจะช่วยชูรสชาติของอาหารชนิดนั้นๆ ให้อร่อยมากขึ้น หลักการของการทำมายองเนส คือการนำส่วนผสมทุกอย่างมาตีเข้ากันอย่างรวดเร็ว โดยมีสารเลซิตินที่อยู่ในไข่แดงที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสาน emulsifier ทำให้น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู ผสมเข้ากันได้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันและไม่แยกเป็นชั้น โดยไม่ผ่านความร้อน 

ความหมาย

วิกิพีเดีย สารนุกรมเสรี ได้ให้ความหมายของมายองเนสไว้ว่า มายองเนส (ฝรั่งเศส: mayonnaise) หรือ ซอสไข่แดง เป็นซอสข้นที่ทำจากไข่แดง น้ำมัน และน้ำส้มสายชู หรือใช้น้ำมะนาวแทนได้ มายองเนสเป็นเครื่องปรุงรสอาหารของชาวตะวันตกหลายชาติ เช่น ฝรั่งเศส สเปน อเมริกา เป็นต้น มายองเนสมีเนื้อมีสีขาว สีเหลืองอ่อน หรือสีครีม

*อ้างอิง

พจนานุกรมสารานุกรมของ Brockhaus และ Efron ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1904 ให้คำจำกัดความของมายองเนสไว้ว่า มายองเนส (Mayonnaise) เป็นซอสที่ประกอบด้วยไข่แดง น้ำมันโพรวองซ์ น้ำส้มสายชู มัสตาร์ดและอื่นๆ โดยคำว่า มายองเนส มีต้นกำเนิดมาจากภูมิศาสตร์และเกี่ยวข้องกับเมืองชื่อมาฮอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ Menorca ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

**อ้างอิง

ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหาร โดยผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์ ได้กล่าวถึงมายองเนส ไว้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร มีลักษณะเป็นอิมัลชัน (emulsion) ชนิดน้ำ-ใน-น้ำมัน (wate-in-oil emulsion) มีส่วนประกอบหลักคือน้ำมันพืช (vegetable oil) ไข่แดง และน้ำส้มสายชู (vinegar) หรือน้ำมะนาว อาจมีส่วนผสมของสมุนไพรและเครื่องเทศ (spice) โดยมีเลซิทิน (lecitin) ในไข่แดง ทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier)

***อ้างอิง

ดังนั้นพอจะสรุปได้ว่ามายองเนส (Mayonnaise) หมายถึง ซอสข้นที่มีส่วนประกอบหลัก ประกอบด้วยไข่แดง น้ำมันพืช และของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรด โดยปกติแล้วของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะเป็นน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว วิธีการทำมายองเนสไม่ผ่านความร้อนใช้เพียงการคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน มายองเนสมีเนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีม มีสีขาว สีเหลืองอ่อน หรือสีครีม รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยว เค็ม นิยมใช้เป็นเบสของซอสอื่นๆ หรือเป็นซอสสำหรับจิ้มอาหารได้หลายประเภท

ประวัติที่มาของมายองเนส

ประวัติของมายองเนสมีเรื่องเล่ามากมายอย่างเช่น ต้นกำเนิดของซอสที่ชื่อมายองเนสคือ “alioli” ของสเปน ซึ่งสามารถแปลได้ว่า “น้ำมันและกระเทียม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสารปรุงแต่งดังกล่าว มีค็อกเทลไข่ น้ำมันมะกอก และกระเทียมเล็กน้อย แต่ต้นกำเนิดมายองเนสที่ได้การยอมรับมากที่สุดคือ ในปี 1756 เกาะ Minorca ของสเปนที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ถูกฝรั่งเศสได้เข้ายึด ทำให้ฝรั่งเศสได้รับชัยชนะเหนืออังกฤษ ดังนั้นพ่อครัวชาวฝรั่งเศสของดยุค เดอ ริเชอลิเยอ (Duke de Richelieu) ได้รับคำสั่งให้ทำอาหารเพื่อฉลองการชนะอังกฤษของฝรั่งเศสที่  Port of  Mahon บนเกาะ Minorca ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสเปน ชื่อพ้องกับเกาะ Majorca พ่อครัวฝรั่งเศสคนนั้นกำลังจัดทำอาหารเพื่อฉลองชัยชนะซึ่งตอนแรกตั้งใจจะทำซอสจากไข่ผสมครีม แต่พ่อครัวตระหนักว่าไม่มีครีมในครัว ครีมหมด เขาจึงคิดทดลองใช้น้ำมันมะกอกแทน ปรากฏว่าอาหารมื้อนั้นรสชาติเป็นที่ชอบใจของท่านดยุคมาก และท่านดยุคตั้งชื่อซอสนั้นว่า “มาฮอนเนส” (Mahonnaise) เพื่อระลึกถึงชัยชนะเหนืออังกฤษที่พอร์ตมาฮอน การกระทำของพ่อครัวคนดังกล่าวในตอนั้นทำให้ได้ผลงานชิ้นเอกของการทำอาหารชิ้นใหม่ถือกำเนิดขึ้น สำหรับคำว่ามายองเนส (mayonnaise) บ้างว่าเป็นการกร่อนคำมาจากคำว่า โมโยเนส (moyeumaise) ซึ่งวิวัฒนาการมาจากคำในภาษาฝรั่งเศสโบราณคือ โมโย  (moyeo) แปลว่า ไข่แดง ซึ่งส่วนผสมของซอสนั่นเอง ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่ามานองเนสเกิดครั้งแรกที่ประเทศสเปนโดยชาวฝรั่งเศส จากนั้นไม่นานมายองเนสก็มีการแพร่กระจายไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและนอกยุโรป กระทั่งมาถึงเอเชียโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่นิยมมายองเนสมารประยุกต์ดัดแปลงให้เหมาะกับวัฒธรรมด้านอาหารของตนที่มีทั้งรสชาติกลมกล่อมและ เปรี้ยว เค็ม ฯลฯ

ส่วนประกอบและวิธีการทำมายองเนส

มายองเนส ถือเป็นซอสพื้นฐานอาหารฝรั่ง นำไปแตกยอดเป็นซอสต่างๆที่เราใช้กินกับของทอด เช่น ซอสทาร์ทาร์ สไปซี่มาโย ฯลฯ หรือต่อยอดเป็นน้ำสลัดข้นแบบต่างๆ เป็นที่รู้กันว่าส่วนประกอบหลักของมายองเนสประกอบด้วย ไข่แดง น้ำมันพืชหรือน้ำมันคาโนล่า และของเหลวที่มีฤทธ์เป็นกรด ซึ่งเมื่อพิจารณาในส่วนของน้ำมันพืช จะพบว่าน้ำมันพืชนั้นมีหลากหลาย ซึ่งจะใช้น้ำมันที่ไม่มีกลิ่นแรง ส่วนใหญ่น้ำมันพืชที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำมายองเนสจะใช้น้ำมันมะกอก (ช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ) น้ำมันอะโวคาโด (ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น) น้ำมันทานตะวัน (ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ) น้ำมันถั่วเหลือง (เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก) น้ำมันข้าวโพด (มีฤทธิ์ต้านการสะสมของไขมันในเส้นเลือด) ฯลฯ แต่ไม่ควรเลือกน้ำมันที่เป็น unrefined oil (unrefined oil คือ โครงสร้างน้ำมันคล้ายตอนอยู่ในพืช เป็นการสกัดออกมาจากพืชให้อยู่ในรูป virgin state มีโครงสร้างเดิมๆ สารอาหารอยู่ครบ หรือน้ำมันพืชที่ไม่ผ่านการกลั่น) เช่น น้ำมันมะกอกแบบ extra virgin เพราะเมื่อตั้งมายองเนสทิ้งไว้ ประมาณ 10-12 ชั่วโมง จะเกิดการแยกชั้นได้ง่ายกว่า เทียบกับการใช้น้ำมันพืชที่เป็น refined oil (น้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีการกลั่น) หรือน้ำมันคาโนล่านอกจากน้ำมันพืชและไข่แดงแล้ว ของเหลวที่มีฤทธ์เป็นกรดก็มีหลากหลายชนิด แต่ที่นิยมนำมาทำเป็นส่วนประกอบของมายองเนสคือน้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชู โดยตัวน้ำส้มสายชูเองก็มีความหลากหลายชนิดทั้งน้ำส้มสายชูจากข้าว น้ำส้มสายชูจากการหมักไวน์ขาว น้ำส้มสายชูที่ทำมาจากแอปเปิ้ล ฯลฯ

หลักการทำมายองเนสจะใช้ของสดในการทำโดยไม่ผ่านความร้อนไม่ว่าจะเป็น ไข่แดง น้ำมันพืช น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู และส่วนผสมอื่นๆ ใช้เพียงเทคนิคการผสมส่วนต่างๆ ตีเข้ากันอย่างรวดเร็ว เคล็ดลับคือค่อยๆ เทน้ำมันลงขณะตีไข่แดงไปด้วยจนได้เนื้อมายองเนสที่ข้นตามต้องการ แต่สำหรับการผลิตระดับอุตสาหกรรมไข่ที่ใช้ในมายองเนสเชิงพาณิชย์จะถูกพาสเจอร์ไรส์หรือที่รู้จักกันว่าให้ความร้อนเพื่อกำจัดเชื้อซัลโมเนลลา เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ส่วนประกอบแต่ละอย่างในการทำมายองเนสจะมีหน้าที่และความสำคัญแตกต่างกันโดยไข่แดงทำให้มายองเนสมีสีเหลืองเข้มและเนื้อครีมและเป็นตัวประสานให้น้ำจากน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เข้ากันได้ดีกับน้ำมัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน ในขณะที่น้ำส้มสายชูจะเพิ่มรสสัมผัสและความเป็นกรด น้ำมันมีหน้าที่ทำให้มายองเนสมีความสม่ำเสมอและมีความสามารถในการจับส่วนผสมอื่นๆ ได้ดี เช่น แซนวิชและสลัด

มายองเนสที่มีส่วนประกอบหลักคือ ไข่แดง น้ำมันพืช และน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เมื่อผสมกันแล้วจะเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ที่น้ำมันกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูจะผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากส่วนประกอบของมายองเนสแล้วในทางวิทยาศาสตร์มายองเนสจัดเป็น อิมัลชั่น (emulsion) ก็คือ ของเหลว 2 ชนิดที่ไม่สามารถรวมกันได้ในสภาวะปกติ ตัวอย่างเช่นน้ำกับน้ำมัน กรณีของมายองเนสคือน้ำมันพืชและน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู รวมถึงน้ำที่เป็นส่วนประกอบของไข่แดง ของเหลวทั้งสองอย่างนี้รวมกันได้เกิดจากการตีอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อรวมตัวกันแล้วก็จะแยกเป็นชั้นเมื่อตั้งทิ้งไว้ นั่นคือไม่มีความคงตัวที่จะเป็นเนื้อเดียวกัน การทำให้อิมัลชั่นสามารถคงตัวผสมเป็นเนื้อเดียวอยู่ได้จำเป็นต้องใส่สารที่เรียกว่าอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier)

อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) คือสารหรือวัตถุดิบที่ทำหน้าที่ให้อิมัลชั่น (emulsion) มีความคงตัว ไม่ให้เกิดการเเยกชั้นของของเหลว 2 ชนิด ที่ไม่เข้ากัน ยกตัวอย่างเช่นน้ำนมเป็นอิมัลชั่นประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากน้ำและไขมัน โดยมีอิมัลซิไฟเออร์ทำให้น้ำและไขมันเข้ากัน จึงมองเห็นน้ำนมเป็นสีขาวขุ่น หลักการทำงานของอิมัลซิไฟเออร์(emulsifier) คือสามารถผสานสาร  2 ชนิดให้เข้ากันได้ โดยการลดแรงตึงผิวระหว่างของเหลวทั้งสองชนิด และรักษาขนาดอนุภาคของสารให้คงที่และกระจายตัวสม่ำเสมอในตัวกลาง โดยตัวอิมัลซิไฟเออร์จะประกอบไปด้วยสองส่วน คือ ส่วนที่ชอบน้ำ (Hydrophilic) หรือส่วนที่มีขั้ว และส่วนที่ชอบน้ำมัน (Hydrophobic) หรือส่วนที่ไม่มีขั้ว หรือกล่าวอีกอย่างว่าอิมัลซิไฟเออร์ในอาหาร คือ วัตถุดิบ สารประกอบ หรือสารที่ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารนั้นๆ มีความคงตัว ไม่เกิดการแยกชั้น

อิมัลซิไฟเออร์ตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น เลซิติน ช่วยกระจายโมเลกุลไขมันในสารละลายที่เป็นน้ำของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต สามารถพบเลซิตินในไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี เป็นต้น ช่วยให้มัสตาร์ดผสมกับน้ำมัน เลซิตินเป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร มักจะถูกเพิ่มเข้าไปในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ มาการีน เค้ก คุกกี้และช็อคโกแลต สามารถพบได้บนฉลากอาหารใต้สัญลักษณ์ E322 อิมัลซิไฟเออร์อาหารอีกชนิดหนึ่งคือไดกลีเซอไรด์ของกรดไขมันและเอสเทอร์ของกรดไขมันที่มีสัญลักษณ์ E471 ใช้สำหรับการผลิตเวเฟอร์ ไอศกรีม และซอส สารเหล่านี้ได้มาจากไขมันพืชและสัตว์ ปลอดภัยต่อสุขภาพเพราะถูกย่อยโดยร่างกายของเราและไม่ก่อให้เกิดผลเสียหลังจากการดูดซึม นอกจากนี้ยังมีวุ้น คาราจีแนน อัลจิเนตจากสาหร่ายทะเลและสาหร่ายทะเล รวมทั้งที่ได้จากพืชหมากฝรั่งตั๊กแตน หมากฝรั่งอาหรับ หรือเหงือกกระทิง เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมของอิมัลซิไฟเออร์ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหาร

จะเห็นได้ว่าอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ในอาหารมีมากมาย แต่ในกรณีของมายองเนส emulsifier ของมายองเนส คือ ไข่แดง ซึ่งในไข่แดงมี เลซิธิน (lecithin) เป็นส่วนประกอบ และ เลซิธินนี้เป็นมีคุณสมบัติเป็นตัวอิมัลซิไฟเออร์ ดึงน้ำมันและน้ำในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกันอย่างเสถียร และเรียกไข่แดงนี้ว่า เป็น emulsifying agent หรือบางสูตรอาจจะใส่มัสตาร์ดเพื่อให้เป็น อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) อีกตัวหนึ่ง นั่นแสดงว่ามายองเนสที่ประกอบไปด้วย น้ำ น้ำมัน ไข่ และ น้ำส้มสายชู เป็นองค์ประกอบหลักเหล่านี้รวมกันได้เป็นเนื้อเดียว เพราะการใส่ไข่เข้าไป โดยเฉพาะไข่แดง เนื่องจากไข่แดงมีเลซิธินเป็นองค์ประกอบ และเลซิธินจัดเป็นอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier)  ชั้นดี ที่ช่วยทำให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากันได้ดี เป็นเนื้อเดียวกัน เนียนสวยงาม และ มีความคงตัวสูง

ส่วนประกอบหลักของมายองเนสมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

1) น้ำมันพืช ในมายองเนสมักใช้น้ำมันมะกอกหรือดอกทานตะวัน ซึ่งน้ำมันจำพวกนี้มีผลดีต่อสุขภาพของผิวผมเล็บและน้ำมันมีผลประโยชน์ต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูกและเนื้องอกในกระเพาะอาหาร กรดไขมันไม่อิ่มตัวในน้ำมันจะมีผลดีต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด

2) ไข่ เป็นส่วนทีให้โปรตีน โคลีน วิตามินเอ โทโคฟีรอล และวิตามินบี ช่วยระบบปรับปรุงกระบวนการเผาผลาญอาหารได้ดี และช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์เม็ดเลือด

3) น้ำส้มสายชู ส่วนประกอบนี้ทำหน้าที่เป็นสารกันบูดธรรมชาติ มีผลดีต่อช่องปากป้องกันโรคเหงือกและฟันผุ และรักษาเคลือบฟัน ฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดโรค

หลังจากที่มายองเนสเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้นจนกระทั่งเป็นเครื่องปรุงอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา นำหน้าซอสมะเขือเทศ และการบริโภคมายองเนสต่อหัวอันดับสูงสุดของโลกเป็นของรัสเซีย ซึ่งมายองเนสเข้าได้กับอาหารเกือบทุกอย่าง ตามรายงานของ Euromonitor นั้นมายองเนสเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศในยุโรปตะวันออก แต่มายองเนสก็เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ชิลี มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทย และสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย

แม้ว่ามายองเนสจะมีส่วนประกอบหลักไม่กี่อย่าง แต่มายองเนสแต่ละแบรนด์จะให้รสชาติและคุณภาพที่ต่างกัน เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของมายองเนส อย่างเช่น ชนิดของไข่ที่ใช้ ชนิดของน้ำมันที่ใช้ หรือชนิดของน้ำส้มสายชูที่นำมาใช้ นอกจากนี้ยังมีส่วนเติมแต่งอื่นๆ เช่น เครื่องเทศต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาทำให้              มายองเนสมีความแปลกใหม่มากขึ้น หลากหลายรูปแบบมากขึ้น รวมทั้งกรรมวิธีที่ใช้ทำมายองเนส เป็นที่รู้กันดีว่าวัฒนธรรมอาหารในแต่ละภูมิภาคมีความนิยมชมชอบรสชาติอาหารที่แตกต่างกัน ความแตกต่างนี้เป็นที่มาของการพัฒนารูปแบบมายองเนสในฉบับของตัวเองโดยใช้ส่วนผสมและเทคนิคที่เป็นที่นิยมของภูมิภาคนั้นๆ ทำให้ทั่วโลกมีมายองเนสหลายประเภทหลายรสชาติ ซึ่งที่เหมือนกันคือเแต่ละประเภทจำเป็นต้องใช้ไข่ น้ำมัน น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว และเกลือเป็นส่วนผสมหลัก แต่แตกต่างกันที่ชนิดและสัดส่วน นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างของส่วนปรุงแต่งเพิ่มเติมจำพวกเครื่องเทศ และอื่นๆ น้ำมันโดยทั่วไปคือน้ำมันพืชหรือเมล็ดเรพซีด แต่ก็มีมายองเนสฝรั่งเศสจะใช้เนยแทนน้ำมันพืชเพื่อให้ได้ความสม่ำเสมอ เป็นต้น มารู้จักมายองเนสในแต่ละประเทศกัน

มายองเนสสไตล์ญี่ปุ่น ใช้น้ำส้มสายชูจากข้าวเป็นส่วนประกอบ จะให้กลิ่นรสที่แตกต่างจากมายองเนสที่ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นเป็นส่วนประกอบ นอกจากจะใช้มายองเนสเป็นส่วนประกอบในการทำสลัดแล้ว มายองเนสยังเป็นที่นิยมใช้เมนูอาหารญี่ปุ่นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโอคิโนมิยากิหรือพิซซ่าสไตล์ญี่ปุ่น ทาโกยากิ คัตสึ และซุชิ เป็นต้น ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว มายองเนสสไตล์ญี่ปุ่น มักจะมีความหนานุ่ม และหนืด มากกว่า มายองเนสสไตล์ฝรั่ง นอกจากนี้ที่ญี่ปุ่นมีการดัดแปลงมายองเนส รสเปรี้ยวเค็ม ใช้กินกับอาหารยอดนิยม เช่น พิชซ่าญี่ปุ่น ขนมครกญี่ปุ่น ซูชิ คาราอาเกะ หรือประยุกต์เป็นสลัดครีมรสหวานอมเปรี้ยว กินกับสลัดผัก สลัดผลไม้ และแซนด์สแปรดหรือกินเล่นกับแครกเกอร์

มายองเนส สไตล์รัสเซีย มักทำมาจากน้ำมันทานตะวันและน้ำมันถั่วเหลือง ในปี 2004 มีการศึกษาข้อมูลทางการตลาดมาว่า ประเทศรัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศแถบยุโรป ที่มีการใช้ขายมายองเนสมากกว่าซอสมะเขือเทศ มายองเนสในประเทศรัสเซียนั้น  มักจะใช้ในการทำสลัด เช่น โอลิเวีย สลัด (Olivier salad) หรือ ที่เรียกกันว่า สลัดสไตล์รัสเซีย (Russian Salad) นั่นเอง

มายองเนสสไตล์ไทย มายองเนส เริ่มเป็นที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารสไตล์ตะวันตกและญี่ปุ่นมากขึ้นในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในประเทศไทยมักใช้มายองเนสในการทำเมนูต่างๆ เช่นน้ำสลัด ราดพิซซ่า ซูชิ โตเกียว เครป เพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูโปรด มายองเนสในประเทศไทยมีหลากหลายรูปแบบ เช่น สวีทมายองเนส เพียวมายองเนส มายองเนสรสชีส และอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อแตกต่างระหว่างมายองเนสและสลัดครีม

แม้ว่ามายองเนสกับสลัดครีมมีลักษณะคล้ายคลึงกันมากเพราะมีส่วนประกอบหลักเหมือนกันคือไข่แดง น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู แต่ส่วนผสมเหล่านี้จะอยู่ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน สลัดครีมมีสัดส่วนเปรียบเทียบของไข่แดงต่อน้ำมันมากกว่าโดยสังเกตได้จากสีที่จะเข้มกว่า สลัดครีมจะมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูในปริมาณน้อยกว่าและมีส่วนผสมของไขมันหรือน้ำมันน้อยกว่ามายองเนส นอกจากนี้สลัดครีมจะมีการปรุงรสให้มีรสชาติหวานนำมีความข้นน้อยกว่าเหมาะสำหรับไปราดบนสลัดผักเพื่อรับประทานทันที ในขณะที่มายองเนสจะมีความเปรี้ยวและเหมาะสำหรับไปผสมทำซอสอื่นๆ เช่น Aioli ซอสฮอลแลนเดซ Thousand Island หรือ ทาร์ทาร์ซอส (Tartare Sauce) หรือใช้ตกแต่งจานอาหารหรือใช้เป็นเครื่องดิป ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้ดังนี้

สลัดครีม (Salad cream)

– เป็นซอสของทางอังกฤษ ถูกคิดค้นครั้งแรกในปี 1914 โดยบริษัทไฮนซ์ นิยมกันมากในชนชั้นกรรมกรในอังกฤษและต่อมาก็ได้รับความนิยมกันแพร่หลาย

– สลัดครีมไขมันน้อยกว่ามายองเนส 30-50%

– สลัดครีมมีส่วนผสมของไข่แดงมากกว่าสีจะเข้มข้นกว่า

– สลัดครีมจะมีรสชาติหวานมากกว่ามายองเนส

– มีหน้าที่หลักคือผสมในสลัดผัก

มายองเนส (Mayonnaise)

– เป็นซอสของทางประเทศฝรั่งเศส

– มายองเนสมีไขมันมากกว่า 30-50%

– มายองเนสมีส่วนผสมของไข่แดงน้อยกว่า

– รสชาติเปรี้ยวกว่าสลัดครีม

– เป็นซอสพื้นฐานที่นำไปทำเป็นซอสชนิดอื่นๆ ได้เช่น Tartar sauce, Thousand island dressing, Aioli และ Remoulade ใช้เป็นซอสดิปและตกแต่งจานอาหาร

มายองเนสก็เหมือนซอสหรืออาหารชนิดอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้หากร่างกายตอบสนองต่อสารประกอบบางอย่างในอาหารมากกว่าปกติ สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในมายองเนสก็คือการแพ้ไข่ นอกจากนี้ก็อาจจะแพ้ส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เช่นน้ำมันถั่วเหลืองหรือสารซัลไฟต์ในน้ำส้มสายชู ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นผู้ที่แพ้อาหารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงและตรวจสอบฉลากอาหารอย่างถี่ถ้วนการนำมารับประทานประกอบอาหารเพื่อความปลอดภัย

ข้อมูลโภชนาการ มายองเนสต่อปริมาณ 100 กรัม

พลังงาน 679 กิโลแคลลอรี (kcal) ประกอบด้วย

ไขมันทั้งหมด 75 กรัม ไขมันอิ่มตัว 12 กรัม

ไขมันทรานส์ 0.2 กรัม คอเลสเตอรอล 42 มิลลิกรัม

โซเดียม 635 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 20 มิลลิกรัม

สารอาหารปะกอบด้วย

คาร์โบไฮเดรต 0.6 กรัม น้ำตาล 0.6 กรัม

โปรตีน 1 กรัม แคลเซียม 8 มิลลิกรัม

เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ตามินดี 7 IU

วิตามินบี12 0.1 ไมโครกรัม แมกนีเซียม 1 มิลลิกรัม

มายองเนสทำกินเองที่บ้าน

สำหรับพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่ชอบทำอาหารและอยากจะทำมายองเนสทานเองที่บ้าน สามารถทำได้ไม่ยาก สูตรออนไลน์ในการทำมายองเนสทานเองง่ายๆ ใช้วัตถุดิบที่มีทั่วไป หาง่ายในบ้านซึ่งจะเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ ดังนี้ ไข่ไก่เบอร์ใหญ่ 1 ฟอง  น้ำเปล่า  น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า เป็นต้น มะนาว และ เกลือ จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1.  เริ่มจากการแยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกัน ซึ่งจะใช้แค่ไข่แดงเท่านั้น
  2.  ตีไข่แดงและน้ำเปล่าครึ่งช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน
  3.  คนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน และเนื้อไข่แดงดูหนาขึ้น
  4.  ในระหว่างการคนนั้น ค่อยๆ หยดน้ำมันที่เตรียมไว้ลงไปจนหมด (น้ำมัน 1ถ้วย) ถ้าระหว่างนี้ มายองเนสดูข้นเกินไป ให้เติมน้ำลงไปได้นิดหน่อย
  5.  หลังจากที่ใส่น้ำมัน ที่เราเตรียมไว้จนหมดแล้ว ใส่น้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก
  6.  ใส่เกลือ ปรุงรสตามความชอบ

เราก็จะได้มายองเนสไว้รับประทานแล้ว มีการแนะนำไว้ว่าน้ำมันที่นำมาใช้อาจจะมีหลายชนิด แต่แนะนำน้ำมันพืชและน้ำมันคาโนล่าถ้าเราเลือกน้ำมันที่เป็น unrefined oil เช่น น้ำมันมะกอกแบบ extra virgin เมื่อเราทิ้งมายองเนสไว้ ประมาณ 10-12 ชั่วโมง จะเกิดการแยกชั้นได้ง่ายกว่า เทียบกับการใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันคาโนล่า

วิธีทำมายองเนส สไตล์ฝรั่ง

ส่วนผสม

– ไข่แดงของไข่ไก่ 4 ฟอง

– ดิจองมัสตาร์ด 1 1/2 ช้อนชา

– น้ำส้มสายชูไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมันสลัด 1 1/4 ถ้วย

– เกลือ 3/4 ช้อนชา

– พริกไทยขาวป่น 1/8 ช้อนชา

วิธีทำ

ใส่ไข่แดงลงในชามผสม ตามด้วยดิจองมัสตาร์ด และน้ำส้มสายชูไวน์ขาว ค่อยเทน้ำมันสลัดลงไปช้าๆ ระหว่างนั้นใช้ตะกร้อตีส่วนผสมไข่แดงให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คนต่อให้เข้ากันจนมายองเนสเหนียวและข้น ก็จะได้มายองเนสตามต้องการ

มายองเนสโฮมเมด ออนไลน์จากเวป https://www.pholfoodmafia.com

ส่วนประกอบ

– น้ำมันรำข้าว 1 1/2 ถ้วย

– ไข่แดง3 ฟอง

– มัสตาร์ด1 ช้อนชา

– น้ำส้มสายชู1 ช้อนโต๊ะ

–  เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ มายองเนสโฮมเมด

เริ่มจากการตีไข่แดงมัสตาร์ดน้ำส้มสายชู และเกลือ ในชามผสม (ไม่ควรใช้ชามผสมที่เป็นโลหะ) ให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆใส่น้ำมันรำข้าวลงในส่วนผสม โดยให้ตีส่วนผสมขณะที่ใส่น้ำมันลงไปด้วยตีให้เข้ากันดี เมื่อเข้ากันแล้วเราก็จะได้มายองเนส ซึ่งมายองเนสนี้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นในกล่องสุญญากาศได้ 4 วัน

โฮมเมดมายองเนส สูตร2

ส่วนผสม

– ไข่ไก่ 3 ฟอง

– น้ำมันคาโนล่า  1 ถ้วย

– เยลโล่มัสตารด  1 ช้อนชา

– เกลือ  เล็กน้อย

– พริกไทยดำ เล็กน้อย

– น้ำเลมอน 1 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

นำไข่ไก่มาแยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกัน จากนั้นนำไข่แดงใส่ลงในชามผสมแล้วจนไข่แดงฟู ตามด้วยการใส่มัสตาร์ดลงไป แล้วตีให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นใส่น้ำมันลงไปในชาม โดยการค่อยๆ เติมน้ำมันลงไปช้าๆ และตีผสมให้เข้ากันไปเรื่อยๆ เมื่อใส่น้ำมันจนหมดจะได้เป็นลักษณะครีมข้นๆ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำ และน้ำเลมอน และชิมรสชาติ แล้วตีให้เข้ากันอีกรอบ ก็จะได้มายองเนสเนื้อครีมข้น

มายองเนสคีโต (Keto Mayonnaise) ใช้วัตถุดิบที่หาง่ายทั่วไปและใช้เวลาไม่นานก็ได้มายองเนสคีโตมาทานคู่กับสลัดผักหรือเป็นดิปกินคู่กับไก่ทอด หรือเนื้อสัตว์ต่างๆ (สูตรนี้สำหรับ 8 ที่)

ส่วนประกอบ

– ไข่แดง 2 ฟอง

– ดีจองมัสตาร์ด 1 ช้อนชา

– แอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์วินิการ์ 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ

– เกลือชมพู 1/4 ช้อนชา

– น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าไลท์เทสติ้ง 1 ถ้วย

– น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 1/4 ถ้วย

– พริกไทยดำ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

ใส่ไข่แดง ดีจองมัสตาร์ด แอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์วินิการ์ ลงไปในเครื่องปั่นแล้วเปิดเครื่องปั่นที่ความเร็วช้าที่สุดจากนั้นค่อยๆเทน้ำมันลงไปทีละนิด จนส่วนผสมเริ่มทึบแสง เทน้ำมันส่วนที่เหลือลงไปผสมจนหมด ปั้นจนมายองเนสเริ่มฟอร์มตัวข้นขึ้น หากมายองเนสข้นไปสามารถเติมน้ำลงไปเพิ่มอีกเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำมะนาว เกลือ หรือพริกไทยดำ แล้วปั่นต่อไปอีก 2-3 วินาที เพื่อให้รสชาติเข้ากัน ก็เป็นอันเสร็จ นำใส่กระปุกสุญญากาศ แช่ในตู้เย็น สามารถเก็บได้ถึง 7 วัน

มายองเนสสูตรวีแกน ไม่ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำตาล เป็นมิตรต่อสุขภาพ สูตรจากคุณ FitandFun ขั้นตอนการทำ

ส่วนผสม

  1. เมล็ดทานตะวันดิบ 1/2 ถ้วยตวง
  2. น้ำเปล่า 125มิลลิลิตร
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมัน 100มิลลิลิตร
  6. กระเทียม 2 กลีบ

วิธีทำ

แช่เมล็ดทานตะวันในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาด เอาเปลือกอ่อนๆ ออกให้มากที่สุด แล้วใส่ทุกอย่าง ยกเว้นน้ำมันลงในโถปั่น เปิดเครื่องปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำมันทีละนิด ในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน เมื่อเข้ากันดีก็จะได้มายองเนสเนื้อขาวๆ เนียนๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เทใส่กระปุกเก็บเข้าตู้เย็น

มายองเนสที่ปราศจากไข่

ส่วนผสม (หรับ 4 คน)

– นมปราศจากแลคโตส 50 กรัม

– น้ำมันดอกทานตะวัน 100 กรัม

– น้ำมะนาว 10 กรัม

– มัสตาร์ด Dijon 5 กรัม

เกลือ

ซองขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น

วิธีทำ

เริ่มโดยการเทนมเย็น น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมะนาวใส่ชามที่สะอาด จากนั้นเติมมัสตาร์ด Dijon 5 กรัม เกลือละเอียดและผงขมิ้นเล็กน้อยหรือซองหญ้าฝรั่น แล้วใช้เครื่องผสมแบบมือถือ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใช้เวลา 30 วินาที ก็จะได้มายองเนสที่สมบูรณ์แบบ สามารถเก็บในตู้เย็นได้นานสูงสุด 2 วัน

มารู้จักซอสทาร์ทาร์ (tartare sauce) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งซอสที่ใช้มายองเนสมาเป็นส่วนประกอบหลักในการทำ ซอสทาร์ทาร์มีรสหวาน มัน เปรี้ยว ใช้ทานคู่กับอาหารทะเล สูตรของซอสทาร์ทาร์มีหลากหลาย นอกจากมายองเนสแล้วยังมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น หัวหอม พริกไทยดำ พาร์สลีย์ และผักดอง ซอสทาร์ทาร์นิยมทานร่วมกับอาหารทะเล โดยเฉพาะกับเนื้อปลา แนะนำซอสทาร์ทาร์โฮมเมด

ส่วนผสม

– มายองเนส 1/2 ถ้วยตวง

– แตงกวาดอง สับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมะนาวเหลือง 1-2 ช้อนโต๊ะ

– เม็ดเคเปอร์ สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

– ผักชีลาว สับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ

– วูสเตอร์ซอส 1/2 – 1 ช้อนชา

– ดิจองมัสตาร์ด 1/2 ช้อนชา

– เกลือ และ พริกไทยดำป่น สำหรับปรุงรส

วิธีทำ

ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในชามผสม ยกเว้นเกลือและพริกไทย คนให้เข้ากันดี จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย แล้วลองชิมรสชาติให้ออกเปรี้ยวนำ เค็มตาม (สามารถเพิ่มน้ำมะนาว เกลือ พริกไทยได้ตามชอบ) เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้วจึงปิดหน้าด้วยพลาสติกแรป แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที (สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 1 อาทิตย์)

เคล็ดลับสำหรับทำมายองเนสเองที่บ้าน

เนื่องจากการทำมายองเนสจะมีการผสมของน้ำและน้ำมันซึ่งเป็นที่รู้กันแล้วว่าทั้งสองชนิดนี้ไม่รวมกันเป็นเนื้อเดียวโดยธรรมชาติจะแยกชั้นกันอยู่ดังในการทำมายองเนสเองที่บ้านจะต้อง

  1. 1.ไม่รีบเร่งเกินไป

เนื่องจากการทำมายองเนสคือการรวมตัว ระหว่างน้ำกับน้ำมัน ให้เกิดความเป็นเนื้อเนียน และเนื้อเดียวกัน ซึ่งจะเริ่มจากการใช้วัตถุดิบที่เตรียมไว้ที่อุณหภูมิห้อง จากการใช้ไข่แดงผสมกับน้ำนาว หรือน้ำส้มสายชู เพิ่มเกลือเพื่อรสชาติที่ดี และ สามารถใส่มัสตาร์ดเพิ่มกลิ่นและรสชาติได้อีก (ส่วนผสมต่างๆนี้ บางสูตร สามารถใส่ทีหลังได้หลังจากตีไข่แดงกับน้ำมันเข้ากันแล้ว) เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันแล้ว ก็เริ่มเติมน้ำมันลงไป ค่อยๆ เติมน้ำมันลงไป ห้ามใส่ลงไปทีเดียว จะต้องค่อยๆ เติมและคนไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อจะเข้ากันได้ดี

  1. 2.ห้ามยอมแพ้ต้องแก้สถานการณ์

หากมายองเนสเกิดมีน้ำมันแยกชั้นออกมา ซึ่งเกิดจากการที่ไขมันแยกตัวออกมาจากโปรตีน หากเจอเหตุการณ์นี้ สามารถแก้ได้โดย นำถ้วยใหม่ใส่ไข่แดงลงไป และค่อยๆ ใส่มายองเนสที่ทำไว้แล้วมีการแยกชั้น ค่อยๆ ใส่ทีละนิด และตีให้เข้ากัน

* เนื่องจากการทำมายองเนส ไม่ได้ผ่านการปรุงสุก ดังนั้นควรเลือกใช้ไข่ไก่สด และสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และควรเป็นไข่ที่มั่นใจพอสมควรว่าปราศจากเชื้อซัลโมเนลลา เพราะมายองเนสใช้ไข่ไก่ดิบในการทำโดยไม่ผ่านความร้อน ไข่ไก่ที่ดีจะทำให้มายองเนสเก็บได้นานขึ้น สามารถอยู่ได้สามถึงสี่วันในตู้เย็น และได้สีของมายองเนสที่สวย พร้อมรสชาติมันอร่อย ถ้าอยากได้ประโยชน์ที่มากขึ้นสามารถเลือกใช้ไข่ไก่ที่เสริมโอเมก้า หรือเสริมวิตามินต่างๆ ได้

* มายองเนสเชิงพาณิชย์ซึ่งเก็บได้นานถึงหกเดือนในตู้เย็น (ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา) มีน้ำมันอย่างน้อย 65 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก (ยกเว้นมายองเนสไขมันต่ำและไร้ไขมัน) มาตรฐานของกฎหมายระบุตัวตนยังกำหนดให้ “มายองเนสแท้” ในเชิงพาณิชย์ทั้งหมดใช้ไข่เป็นอิมัลซิไฟเออร์เท่านั้น

วิธีการเลือกซื้อมายองเนส

สำหรับนักทำอาหารจะรู้ดีว่าเครื่องปรุงรสและเครื่องจิ้มมีความจำเป็นมากทั้ง น้ำปลา น้ำตาลทราย ซอยหอยนางรมหรือผงปรุงรสก็สำคัญ เครื่องจิ้มอย่างซอสมะเขือเทศ ซอสพริกและน้ำจิ้มสุกี้ก็จำเป็นเหมือนกัน เพราะจะช่วยชูรสชาติของอาหารได้ดีขึ้นเช่นเดียวกับมายองเนส ที่สามารถเข้ากันได้กับอาหารเมนูทอดหรืออื่นๆ ก็ทานคู่กับมายองเนสได้ โดยเฉพาะคนที่รักการทานอาหารแบบฟาสฟู๊ดส์ มายองเนสคือราชาแห่งเครื่องปรุงรสและสิ่งจำเป็นในครัว ไม่ว่าการทำแซนด์วิชหรือสลัดไข่ก็ต้องมีมายองเนสเป็นส่วนประกอบ มายองเนสนั้นมีรสชาติเข้มข้น มีรสเปรี้ยวและสามารถทาบนอาหารอื่นๆ ให้เข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม ตลาดมายองเนสจะมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ดังนั้นเรามาแนะนำสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องการซื้อมายองเนส

  1. รสชาติ

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารแล้วรสชาติถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขาดไม่ได้ ในการเลือกซื้อมายองเนสก็เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันมายองเนสมีให้เลือกมากมายหลากหลายรสชาติ ทั้งมายองเนสแบบดั้งเดิมและมายองเนสที่ผสมรสชาติใหม่ๆ  ซึ่งแต่ละรสชาติก็จะมีความอร่อยในตัวของมันเอง เช่น มายองเนสแบบคลาสสิกที่ความโดดเด่นและอร่อยสามารถใช้เป็นเครื่องปรุงสำหรับน้ำสลัดหรือซอสทาร์ทาร์ได้ นอกจากนี้หากคุณชอบการเปลี่ยนแปลงก็มีมายองเนสที่ให้รสเผ็ด เปรี้ยว และหวาน แตกต่างกันไป หากชอบซอสเผ็ดให้มองหามายองเนสแบบที่มีพริกหรือซอสศรีราชาผสม ซึ่งแนะนำมายองเนส สไปซี่ ศรีราชา ตรา เพียวฟูดส์  หากชอบความหอมหวานแนะนำสวีทมายองเนส เพียวฟู้ดส์ เป็นต้น

  1. ปริมาณไขมัน (ส่วนประกอบและข้อมูลโภชนาการ)

การเลือกซื้ออาหารชนิดใดๆ ก็ตามสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างหนึ่งคือส่วนประกอบและข้อมูลทางโภชนาการของอาหารนั้น การเลือกซื้อมายองเนสก็เช่นกัน เป็นที่รู้กันแล้วว่าส่วนประกอบหลักของมายองเนส ประกอบด้วย  ไข่แดง น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว และน้ำมัน เป็นหลัก สัดส่วนปริมาณของวัตถุดิบมักขึ้นอยู่กับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์นั้นๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนเติมแต่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้มายองเนสอีกด้วย แม้กระทั่งในส่วนประกอบหลักอย่างน้ำส้มสายชูก็สามารถเลือกใช้น้ำส้มสายชูได้หลายชนิด ส่วนของน้ำมันก็เช่นกันมีทั้งการใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืชอื่นๆ มีข้อมูลว่ามายองเนสที่อร่อยจะต้องมีส่วนผสมของน้ำมันพืชประมาณ 65-80 เปอร์เซ็นต์ และไข่แดง 5-8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะประกอบด้วยส่วนผสมของเหลวและเครื่องเทศต่างๆ เช่น น้ำส้มสายชู มัสตาร์ด และเครื่องปรุงรสอื่นๆ จะเห็นได้ว่ามายองเนสนั้นมีน้ำมันจำนวนมากซึ่งไม่เหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและรักมายองเนสไปพร้อมๆ กัน ให้เลือกมายองเนสที่ใช้น้ำมันมะกอกหรืออะโวคาโดที่มีโอเมก้า 3 แทนได้และควรตรวจสอบข้อมูลจำเพาะทางโภชนาการโดยดูปริมาณแคลอรีต่อมายองเนส 100 กรัม แล้วเลือกใช้ตามเหมาะสม

– มายองเนสที่มีแคลอรีสูง มีปริมาณมีไขมันมากกว่า 55 กรัม ต่อมายองเนส 100 กรัม

– มายองเนสที่มีแคลอรีปานกลาง มีปริมาณมีไขมัน 40-55 กรัม ต่อมายองเนส 100 กรัม

– มายองเนสแบบแคลอรีต่ำ มีปริมาณมีไขมันผสมต่ำกว่า 40 กรัม ต่อมายองเนส 100 กรัม

  1. เมนูอาหาร

ในการเลือกมายองเนสเพื่อเพิ่มความอร่อยให้อาหารเมนูนั้นๆ สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ความเข้ากันได้ระหว่าง         มายองเนสกับเมนูอาหารนั้นๆ ซึ่งควรเลือกมายองเนสให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสเหมาะกับอาหารที่ต้องการปรุง เช่นการนำมายองเนสมาเป็นเครื่องจิ้ม หากต้องการมายองเนสเพื่อเป็นเครื่องจิ้ม ควรเลือกมายองเนสที่มีความเข้มข้นสูง ไม่หวานเกินไปซึ่งจะทำให้รสชาติวัตถุดิบหลักยังคงอยู่  หรือหากต้องการทำแซนด์วิชหรือน้ำสลัดควรเลือกมายองเนสที่มีความข้นน้อยเพื่อทาลงบนขนมปังได้ง่ายและรวดเร็วอาจจะมีรสชาติหวานนิดๆ ทำให้ผสมกับวัตถุดิบอื่นแล้วมีความกลมกล่อมมากขึ้น ถ้าต้องการใช้มายองเนสกินกับทาโกะยากิก็ควรเลือกมายองเนสสูตดั้งเดิม หรืออาจจะเลือก                         มายองเนสจากรสชาติของส่วนผสมพิเศษอื่นๆ เป็นการเพิ่มรสชาติให้อาหารมีความพิเศษมากขึ้น เช่น มายองเนส สไปซี่ศรีราชา มายองเนส รสเผ็ดแซ่บ แบรนด์ เพียวฟูดส์ ที่ให้รสเผ็ด มายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบิ แบรนด์ เพียวฟูดส์ เป็นต้น

  1. ปริมาณการใช้งาน

การเลือกซื้อมายองเนสสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงคือปริมาณที่จะต้องใช้ในแต่ละครั้ง เนื่องจากมายองเนสมีอายุการเก็บรักษาสั้น ดังนั้นควรพิจารณาถึงลักษณะการใช้งาน และปริมาณการรับประทาน หากใช้รับประทานพร้อมอาหารเพียงบางมื้อหรือครอบครัวเล็กก็ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก เพราะหากเปิดบรรจุภัณฑ์แล้วจะสามารถเก็บได้ในตู้เย็นอยู่ได้ระหว่าง 3 สัปดาห์ หรืออาจจะเป็น 3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ แต่หากซื้อเพื่อทำอาหารในปริมาณมากๆ หรือครอบครัวใหญ่หลายคนก็ควรซื้อขนาดบรรจุที่ใหญ่ขึ้น เพื่อความคุ้มค่า

  1. บรรจุภัณฑ์

มายองเนสมีการบรรจุภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและการรับประทาน เช่นแบบขวดแก้วจะสามารถใช้ช้อนตักผสมกับอาหารต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วและขวดที่หมดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่หากเลือกซื้อแบบขวดจะต้องตัดสินใจเลือกขนาดที่เหมาะสมด้วย ขวดบีบจะใช้สำหรับแต่งหน้าอาหารได้สวยงาม หรือใช้เวลาออกไปรับประทานอาหารแบบปิกนิกเพื่อความสะดวกในการรับประทาน สำหรับผู้ที่ต้องการผสมซอสหรือจัดเสิร์ฟในปริมาณมาก อาจเลือกซื้อแบบถุงใหญ่เพื่อสะดวกในการเทลงภาชนะขนาดใหญ่ได้ทันที เป็นต้น

  1. ราคา

นอกจากที่กล่าวมาแล้วในการเลือกมายองเนส ราคาก็เป็นส่วนที่ควรพิจารณาโดยเฉพาะสำหรับการนำ           มายองเนสมาประกอบอาหารเพื่อการค้า ทั้งนี้เพราะมายองเนสหลายแบรนด์ที่มีรสชาติหอม หวาน อร่อย แต่ราคาอาจจะสูงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับอีกแบรนด์ที่มีความหอม หวาน อร่อยที่เท่ากัน ดังนั้นการเลือกมายองเนสที่ราคาถูกและรสชาติดีจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาไม่แพง ซึ่งจะขายได้ดีกว่าสินค้าที่ต้นทุนสูง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากบรรจุภัณฑ์โดยส่วนใหญ่มายองเนสแบบถุงจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานอย่างแบรนด์ เพียวฟู้ดจะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะบรรจุภัณฑ์แบบอื่น

  1. ความเป็นมังสวิรัติ

จากสูตรมาตรฐานการผลิตมายองเนสที่มีส่วนผสมของไข่แดงเป็นหลัก ดังนั้นเรียกได้ว่าท่านที่ทานมังสวิรัติสามารถทานมายองเนสได้ เพราะไม่มีเนื้อสัตว์ปน แต่มายองเนสไม่จัดว่าเป็นวีแกน เนื่องจากวีแกนคือการที่เราไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ เช่น นม ไข่ ชีส และโยเกิร์ต ทำให้มายองเนสไม่จัดเป็นวีแกน แต่จัดเป็น vegetarian food

จากหลักการเลือกมายองเนสมาประกอบอาหารที่ควรพิจารณาเรื่อง รสชาติ ปริมาณไขมัน เมนูอาหารบรรจุภัณฑ์ ปริมาณการใช้งาน และราคาแล้วจะต้องเลือกมายองเนสที่คุณภาพดี โดยส่วนของเนื้อมายองเนสจะต้องเข้มข้น ออกสีขาวครีมถึงสีเหลือง ไม่มีฟองอากาศผสมอยู่มากจนเกินไปและต้องไม่เหลวเป็นน้ำ ที่สำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีก็ควรเลือกมายองเนสที่มีแคลอรี่ต่ำหรือรับประทานแต่น้อยเพื่อสุขภาพที่ดี

ประโยชน์ของมายองเนส  

มายองเนส นอกเหนือจากจะใช้ประกอบอาหาร เช่น  แซนวิช พิซซ่า ซูชิ ฯลฯ เป็นเครื่องปรุงหรือซอสในการเพิ่มรสชาติให้กับเมนูต่างๆ เช่น  ทานคู่กับสลัดผัก ผลไม้ต่างๆ ใช้เป็นซอสมายองเนสสำหรับจิ้มกับของทอด เช่น หัวหอมทอด นักเก็ต และ เฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น แล้วมายองเนสยังสามารถนำมาใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ได้อีกนอกเหนือจากการประกอบอาหารที่มีการนำเสนอออนไลน์ เช่น

  1. มายองเนสใช้สำหรับฆ่าเหา วิธีการคือนำมายองเนสมาพอกที่ผมเป็นประจำแล้วทิ้งไว้ราว 2ชั่วโมงก่อนล้างออกแล้วสระผมตามปกติ หรือนำมายองเนสมาหมักบนศรีษะนวดให้ทั่วแล้วใช้หมวกคลุมผมคลุมไว้ก่อนนอน ล้างออกในตอนเช้า โดยแนะนำให้ทำติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1อาทิตย์
  2. มายองเนสช่วยให้หน้านุ่มและเด้งขึ้น วิธีการคือนำมายองเนสมาพอกหน้าทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 20นาทีต่อครั้งแล้วล้างออกให้สะอาด มายองเนสมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว
  3. มายองเนสช่วยทำให้เล็บแข็งแรง วิธีการโดยการนำมายองเนสทาบริเวณเล็บทิ้งไว้สักครู่จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด
  4. มายองเนสช่วยขจัดคราบสีเทียนบนผนังสำหรับบ้านที่มีเด็กๆ รักศิลปะบนฝาผนังวิธีการคือทามายองเนสทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดออกสีเทียนก็หลุดออกได้ง่ายๆ
  5. มายองเนสทำความสะอาดคีย์เปียโน โดยใช้ผ้าหมาดๆ ชุบมายองเนสแล้วขัดทำความสะอาดบนปุ่มคีย์เปียโนแต่ละปุ่มคราบเหลืองเหล่านั้นจะจางลง

มายองเนสสำเร็จรูปพร้อมใช้กับแบรนด์ เพียวฟูดส์ 

แบรนด์ เพียวฟูดส์ ชื่อนี้มีของอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย เช่นเดียวกับ มายองเนสของ เพียวฟูดส์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงสูตรเดียว แต่แบรนด์ เพียวฟูดส์มีมายองเนสหลากหลายรสชาติให้ทุกท่านเลือกใช้ตามรสชาติที่ชื่นชอบ และตรงตามเมนูอาหารที่จะเสริ์ฟร่วมด้วย มารู้จักมายองเนสในแบรนด์ของ เพียวฟูดส์ กัน

  1. มายองเนสรสชีส(Pure Foods Mayonnaise Cheese Flavor) เพิ่มรสชาติอร่อยหอมมันให้กับอาหาร

มายองเนสรสชีส จะเป็นมายองเนสรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมชีส เนื้อเนียนนุ่ม ไม่มีไขมันทรานส์ เหมาะสำหรับคนชอบชีส มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เค็ม สามารถใช้ผสมกับมอซซาเรลลาชีสได้เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบอาหารจำพวกเบเกอรี่เช่นขนมปังอบชีส หรือขนมอบหน้าชีสต่างๆ รวมถึงพิซซ่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้ราดซูชิ ข้าวปั้นต่างๆ ตัวมายองเนสจะขึ้นเส้นสวย ทำให้อาหารน่ารับประทานและมีรสชาติชีสหอมมัน อร่อย หรือจะทำเป็นซอสดิปทานคู่กับของทอดก็ได้ มายองเนสรสชีส เป็นสูตรเฉพาะของทาง เพียวฟู้ดส์ กินง่าย ใช้สะดวก จะนำไปทำขาย ก็ได้ ต้นทุนน้อย ได้กำไรงามเหมาะสำหรับเอาไปราดหน้าขนมอบเบเกอรี่ และ พิซซ่า สามารถใช้ลดต้นทุนการใส่มอสเซอเรลล่าชีสทำให้ประหยัดต้นทุนการใส่ชีสจริง มีอายุการเก็บรักษา 6 เดือน

  1. เรียลมายองเนส (Pure Foods REAL Mayonnaise )

เรียลมายองเนส เป็นมายองเนสที่มีรสชาติเข้มข้น รสหอมมันแบบเต็มๆของมายองเนส โดยที่เรียลมายองเนสมีความหอมมัน จึงใช้มาทำแฮมเบอร์เกอร์ เป็นซอสดิปกินคู่กับเฟรนฟรายซ์ และ ของทอดต่างๆ หรือนำมาทำสลัดโคลสลอว์ นอกจากนี้เรียลมายองเนสยังนำมาใช้สำหรับราดซูชิได้อีกด้วย ทำให้ซูซิธรรมดาน่าสนใจยิ่งขึ้น อายุการเก็บรักษามายองเนส 6 เดือน หลังจากเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น

  1. เพียวมายองเนส ตรา เพียวฟู้ดส์

เพียวมายองเนสเป็นมายองเนสที่มีรสชาติเข้มข้น เปรี้ยว หวาน มัน ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นมายองเนส เนื้อเนียนนุ่น สามารถหรือจะทำเป็นซอสดิปทานกินคู่กับของทอด สเต๊ก ไส้กรอก ราดเครป โตเกียว ทาโกะยากิ ซูชิ อาหารญี่ปุ่น หรือ ผสมเป็นใส้แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ หรือใช้เป็นน้ำสลัดทานคู่กับผัก ก็ได้ เพียวมายองเนสของ เพียวฟูดส์ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการนำไปทำอาหารขาย ได้กำไรงาม ต้นทุนน้อย มีเครื่องหมายฮาลาล อายุการเก็บรักษามายองเนส 6 เดือน หลังจากเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น

  1. มายองเนส select lite ตรา ชีสโตะ

ชีโตะเป็นแบรนด์หนึ่งของ เพียวฟูดส์ ที่ผลิตมายองเนส select lite มายองเนสสูตรนี้มีรสชาติหวานมันกำลังดี อมเปรี้ยวเล็กน้อย สามารถเอาเข้าอบได้โดยที่เนื้อมายองเนสยังคงเป็นเงาสวยงาม ไม่แตกมัน สามารถใช้ทำเมนูได้หลากหลายเช่น ขนมปังอบ เครป ขนมโตเกียว  ทาโกะยากิ  แซนวิช เบอเกอร์ หรือแม้แต่จิ้มของทอดต่างๆ ก็อร่อย ราดไส้กรอก ฮอทดอก เพื่อเพิ่มและปรุงแต่งรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ก็เข้ากันได้

  1. มายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบิ

มายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบิ เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่เป็นสูตรลับเฉพาะแบรนด์ เพียวฟู้ด ที่มีการคัดสรร  วาซาบิชั้นดีมาเป็นวัตถุดิบ มายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบินี้จะมีรสชาติหวานมัน จี๊ด หอมวาซาบิและสาหร่ายอบแห้ง มายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบินี้กินคู่กับของทอด ตัวมายองเนสผสมสาหร่ายและวาซาบิ สามารถจะทำตัดรสเลี่ยนของน้ำมัน จะเป็นที่ถูกใจคนชอบอาหารเเนวญี่ปุ่น ผู้ประกอบการอาหารญี่ปุ่นสามารถนำไปประกอบอาหารคู่กับเมนูของตัวเองได้ ต้นทุนน้อย กำไรงาม มีอายุการเก็บรักษา 6 เดือน หลังจากการเปิดใช้งานแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น

  1. มายองเนส รสเผ็ดแซ่บ

มายองเนสรสเผ็ดแซ่บ เป็นมายองเนสอีกรสชาติหนึ่งที่ปรุงแต่งโดยบริษัท เพียวฟู้ด มายองเนสรสเผ็ดแซ่บนี้ มีรสชาติเข้มข้น มีรสเผ็ดตัดหวาน กลมกล่อม จัดจ้าน เหมาะสำหรับคนชอบรสจัด มายองเนสรสเผ็ดแซ่บนี้เป็นสูตรเฉพาะที่ทาง เพียวฟู้ดส์ ได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชอบรสทานรสเผ็ดจัด สามารถใช้จิ้มสเต๊ก ไส้กรอก หรือทานคู่กับของทอด ซูซิ ผู้ประกอบสามารถนำไปขายคู่กับเมนูอาหารได้ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า มายองเนสรสเผ็ดแซ่บนี้มีอายุการเก็บรักษาที่ 6 เดือน หลังจากการเปิดใช้งานแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น

  1. มายองเนส M04

มายองเนส M04 ของเพียวฟู้ดส์ มีรสชาติเข้นข้น มัน เปรี้ยวไม่เลี่ยน อมหวาน เหมาะสำหรับกินคู่ สเต็ก ไก่ทอด มันฝรั่งทอด หรือใช้ทำเบเกอรี่ ไส้แซนวิชต่างๆ หรือจะใช้สำหรับอาหารญีปุ่น เช่นซูชิ ข้าว ด้ง ต่างๆ เป็นต้นมายองเนส M04 นี้ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มายองเนส M04 ของ เพียวฟู้ดส์ เป็นมายองเนสสูตรเฉพาะไม่เหมือนใคร ผู้ประกอบการสามารถนำไปทำเมนูอาหารขายต่อได้ กำไรดี มีอายุการเก็บรักษา 6 เดือน หลังจากการเปิดใช้งานแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น

  1. เอสที สวีท มายองเนส เพียวฟู้ดส์

สวีทมายองเนส หรือ Pure Foods ST Mayonnaise มายองเนสสูตรนี้มีรสชาติหวาน มัน อมเปรี้ยวนิดๆ ไม่เลี่ยน เหมาะสำหรับ ทำขนมอบเบเกอรี่ แต่งหน้าพิซซ่า สามารถนำเข้าเตาอบได้ เส้นสวยงาม ไม่แตกมัน หรือ สามารถนำไปเสริ์ฟคู่เฟรนฟรายส์ ของทอดต่างๆ เมนูแนะนำ ขนมปัง หมูหยองมายองเนส ขนมปังไก่หยองพริกเผามายองเนส ทำเมนูที่คู่กับขนมปัง หรือจะนำไปราดซูชิ เครป โตเกียว อาหารญี่ปุ่น ก็ได้เช่นกัน มีอายุการเก็บรักษา 6 เดือน เปิดแล้วแนะนำ เก็บในตู้เย็น

  1. มายองเนสสไปซี่ศรีราชา

มายองเนส ศรีราชา เป็นมายองเนสอีกรสชาติหนึ่งของ เพียวฟู้ดส์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมายองเนสผสมกับซอสพริกศรีราชา ได้ทั้งรสชาติที่เผ็ดหวาน รสชาติจัดจ้าน มีกลิ่นหอมของซอสพริกศรีราชา อร่อยครบรส ไม่เหมือนใคร ไม่เลี่ยน เป็นการผสมผสานเข้ากันได้ดี เป็นสูตรลับเฉพาะของ เพียวฟู้ดส์ เป็นสินค้าขายดี เหมาะกับทานคู่กับเมนูของทอดต่างๆ เช่น เฟรนซ์ฟราย ไก่ป๊อป ไก่ทอด และจำพวก ซิชูมี เบอร์เกอร์ สลัด นอกจากนี้ยังใช้ทำไส้ขนมปัง ราดแพนเค้ก อายุการเก็บรักษา 6 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่หลังจากการเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็น

หรือเลือกมายองเนสอื่นๆ คลิก

 

มายองเนสของ เพียวฟู้ด กับการเพิ่มรายได้หรือรายได้เสริม

จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันหลายคนอาจจะต้องการเพิ่มรายได้ หรือคนที่ค้าขายอยู่ต้องการกำไรเพิ่ม สำหรับพ่อค้า แม่ค้าที่ขายสินค้าประเภททอดต่างๆ เช่น ไก่ทอด มันฝรั่งทอด หรือแม้แต่ผักทอด สามารถที่จะเพิ่มความน่าสนใจของสินค้า ดึงดูดลูกค้าให้เพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มน้ำจิ้มที่เป็นมายองเนส ให้เป็นที่สนใจของลูกค้า และเริมความอร่อยให้สินค้าหลักได้ โดยการใช้มายองเนสของ เพียวฟูดส์ ซึ่งมีหลากหลายรสชาติให้เลือก พร้อมทั้งราคาต้นทุนเบาๆ โดยเฉพาะผู้ที่รับผลิตอาหารเร่งด่วนอย่างเช่น แซนวิช  เบอร์เกอร์ หรือไม่เร่งด่วนอย่างพิซซ่า มายองเนสของ เพียวฟูดส์ สามารถช่วยให้ท่านประกอบอาหารเหล่านั้นได้อย่างง่ายๆ สะดวก และอร่อย

สำหรับเมนูเช้าที่แสนอร่อยเราก็แนะนำสูตรแซนวิช อาหารที่เป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่วัยรุ่น และ เด็กๆ เพราะรับประทานง่าย สามารถกินได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ สถานที่ชุมชนต่างๆ ก็มักจะมีแซนวิชขาย จะมีทั้งแซนวิชอบร้อน และ แซนวิชเย็น เพื่อสาวกแซนวิชทำเองได้ และผู้ที่ต้องการทำเพื่อเป็นการเสริมรายได้ หรือขายอย่างจริงจัง โดยจากบทความออนไลน์ได้แนะนำสูตรการทำแซนวิชและมายองเนสของ เพียวฟู้ด ที่แสนอร่อยคู่กับแซนวิชไส้นั้นๆ ไว้ดังนี้

  1. แซนวิชหมูหยอง มายองเนส

แซนวิชหมูหยอง มายองเนส เป็นแซนวิชยอดฮิตตลอดกาล วิธีการทำเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ คือขนมปังที่ชอบ เช่น ขนมปัง โฮลวีต ไวท์เบรด (ขนมปังสีขาว) หมูหยอง ควรเป็นหมูหยองที่เป็นเบเกอรี่ ซึ่งจะออกแบบมาสำหรับ ทำขนมปังหมูหยอง แซนวิชหยอง จะช่วยเพิ่มรสชาติ ความอร่อยของแซนวิชของได้ง่ายขึ้น และสุดท้ายตัวหลักก็คือมายองเนสนั่นเอง มายองเนสที่แนะนำของ เพียวฟูดส์ จะเป็นเพียวมายองเนส มายองเนสตัวนี้ผลิตมาเพื่อการทำไส้แซนวิชโดยตรง ไม่หวานเกินไป และไม่เลี่ยนเกินไป เมื่อนำมาผสมหรือทานคู่กับหมูหยองเบเกอรี่ แต่ถ้าไม่สามารถหาหมูหยองแบบเบเกอรี่ได้ แนะนำให้ใช้ เอสที สวีทมายองเนส ของ เพียวฟู้ดส์ แทน เพราะว่า มายองเนส สวีท เอสทีนี้ จะมีความหวานอยู่มากกว่าถ้าเทียบกับเพียวมายองเนส หรืออาจจะใช้ยี่ห้อชีสโตะ มายองเนส ตราชีสโตะ รุ่นซีเล็คไลท์ ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อม สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าขายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วไป หรือ ที่ห้างแมคโคร เป็นต้น

ส่วนผสม

– ขนมปัง จำนวน 1 คู่ หรือ  2 แผ่น

– หมูหยองเบเกอรี่ 2 ช้อนโต๊ะ

– เพียวมายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

นำขนมปังที่เตรียมไว้ ทั้ง 2 แผ่น มาทามายองเนส และโรยหน้า ด้วยหมูหยองเบเกอรี่ หลังจากนั้นนำมาประกบกัน หั่นครึ่งก็จะได้แซนวิชหมูหยองมายองเนส เป็นที่เรียบร้อย ระหว่างแผ่นที่นำมาประกอบกันนั้นจะต้องเพิ่มหมูหยอง และ ทามายองเนสระหว่างกลางด้วย เพื่อความอร่อย ไส้แน่น เป็นอันเสร็จแล้ว ก็นำใส่กล่องที่เตรียมไว้ อาจจะเป็นกล่องใส่แซนวิชสำหรับทำขายก็ได้

สำหรับ แซนวิชหมูหยอง มายองเนส ต้นทุนต่อชิ้นอยู่ 9.54 บาท

ราคาแนะนำขาย 30 บาท  ได้กำไร 214 %

สอนวิธีการคิดต้นทุน กำไร อย่างง่าย

ราคาทุน 9.54 บาท

ราคาขาย 30 บาท

กำไร 20.46 บาท

% กำไร = 20.46 X 100 / 9.54

  1. แซนวิชปูอัดมายองเนส

สำหรับสาวกปูอัด ต้องสูตรนี้ทำง่ายมากๆ มีการเพิ่มผักเพื่อเพิ่มประโยชน์ วิตามิน และสีสันน่ารับประทาน  วิธีการเริ่มจากเลือกขนมปัง เช่น ขนมปัง โฮลหวีต หรือ ขนมปังสีขาว หรือ ขนมปังกลิ่นนม ขนมปังกลิ่นเนยเป็นต้น แต่ขนมปัง plain สีขาว จะเข้ากับปูอัดได้ดีที่สุด ส่วนปูอัด เรามักจะซื้แบบแช่แข็งเพราะว่าเก็บได้นาน ถ้าซื้อแบบแช่แข็งมาจะต้องนำมาทำละลายก่อน อย่าให้น้ำแข็งติดไปกับปูอัด เพราะว่าเมื่อน้ำแข็งละลายจะซึมเข้าไส้ ทำให้ไส้เหลว หรือซึมไปที่เนื้อของขนมปังดูไม่น่ารับประทาน สำหรับผักเพิ่มสีสันอาจจะใช้แครอทสีส้ม  เพิ่มความน่ากินเข้าไปอีก โดยแครอท นำมาหั่นชิ้นเล็กๆ หรือหั่นลูกเต๋าสีเหลี่ยม ได้เลย ส่วนมายองเนส เป็นหัวใจหลักของการทำไส้แซนวิชแนะนำ เพียวมายองเนส ยี่ห้อ เพียวฟู้ดส์ หรือมายองเนสซีเล็คไลท์ ยี่ห้อชีสโตะ สองตัวนี้เหมาะสำหรับ ทำไส้แซนวิชโดยจะตอบโจทย์ ด้านรสชาติ และความมัน หอม กลมกล่อม ของแซนวิช ส่วนผสมไส้ปูอัดมายองเนสมีดังนี้

ส่วนผสม

– ขนมปังแผ่น จำนวน 2 แผ่น ต่อ 1 ชุด

– ปูอัด 200 กรัม ฉีกเป็นเส้นๆ สำหรับเนื้อปูอัดเน้นๆ หรือ หากชอบชิ้นเล็กๆ แนะนำให้สับแบบหยาบๆ

– แครอท สด หั่นเป็นแบบลูกเต๋า ประมาณ ½ ถ้วยตวง

– มายองเนส (แนะนำ ยี่ห้อ เพียวฟู้ดส์ หรือยี่ห้อชีสโตะ) 100 กรัม

วิธีการทำ

1) นำมายองเนส ใส่ลงในชาม หลังจากนั้นก็ใส่ ปูอัด และแครอท ที่เราเตรียมไว้ หากชอบหวานๆ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นมายองเนส เป็น รุ่น เอสที สวีทมายองเนส แต่ถ้าหวานต้องการหวานเพิ่มอีก สามารถเติมน้ำผึ้ง หรือนมข้นหวาน หรื น้ำเชื่อม ตามชอบได้ ผสมให้ทุกส่วนเข้ากัน

2) วางขนมปังทั้งสองแผ่นแล้วนำไส้ปูอัดปาดลงบนขนมปัง ตามความชอบ เกลี่ยให้เรียบ เสมอกัน หลังจากนั้น นำมาประกบกัน ตัดขนมปังเป็นชิ้นพร้อมเสริฟ ใส่จาน หรือนำใส่กล่อง เตรียมขาย

สำหรับแซนวิชปูอัดมายองเนส ต้นทุน ต่อชิ้น 18.02 บาท

ราคาแนะนำขาย 30 บาท  ได้กำไร 66.48 %

สอนวิธีการคิดต้นทุน กำไร อย่างง่าย

ราคาทุน 18.02 บาท

ราคาขาย 30 บาท

กำไร 11.98 บาท

% กำไร = 11.98 X 100 / 18.02

  1. แซนวิชไส้กรอกซอสมะเขือเทศ

สำหรับแวนวิชไส้กรอกซอสมะเขือเทศ อยากให้หอมกลิ่นชีส ต้องใช้มายองเนสรสชีส หรือ ชีสซี่ดิปลงไปด้วย เพราะว่า 2 ตัวนี้จะเพิ่มกลิ่นชีส ให้แซนวิชมีความหอมมากขึ้น และเพิ่มความมันกลมกล่อม แต่ถ้าหากไม่อยากได้ความเป็นชีส ก็สามารถใส่มายองเนสแทน เพื่อเพิ่มความมัน กลมกล่อม ให้กับแซนวิชไส้กรอกซอสมะเขือเทศได้ และถ้าใครชอบซอสพริก ก็สามารถใส่ซอสพริกแทนซอสมะเขือเทศได้ หรือสำหรับใครที่ไม่อยากจะผสมไส้กรอกกับซอสมะเขือเทศเข้าด้วยกันตั้งแต่แรก ก็สามารถใช้วิธีผสมไส้กรอกกับมายองเนส หรือ มายองเนสชีสแล้วทาบนขนมปังก่อน และ ตลอดรับประทานค่อยราดซอสมะเขือเทศลงไปอีกทีก็ได้

ส่วนผสม

–     ไส้กรอกแท่งยาว หั่น แว่นๆ หรือ สามารถหั่นเป็นแบบลูกเต๋า สี่เหลี่ยมได้ ใส่ได้ตามชอบ

–     ซอสมะเขือเทศ 1/2 ช้อนโต๊ะ

–     มายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ หรือหากใครต้องการให้มีกลิ่นชีส สามารถใส่ มายองเนสรสชีส หรือ ชีสซี่ดิป แทนได้

–     ขนมปังตามชอบ จะเป็นขนมปังสีขาว หรือ ขนมปังโฮลวีตก็ได้

วิธีการทำ

1)     นำซอสมะเขือเทศ และ มายองเนส หากต้องการเพิ่มความเป็นชีส ให้เปลี่ยนจากมายองเนสธรรมดา เป็นมายองเนสชีส หรือชีสซี่ดิป แนะนำยี่ห้อ เพียวฟู้ดส์ ตัวที่มีจุก ถุงสีเหลือง ใส่ชาม และคนเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นใส่ไส้กรอก ที่เตรียมไว้ และผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

2)     วางขนมปัง 2 แผ่น และ ทาไส้ ไส้กรอกซอสมะเขือเทศ เกลี่ยให้ทั่ว หลังจากนั้น ทำการนำขนมปัง ทั้งสองแผ่น มาประกบกัน และตัดเป็น 2 ส่วน นำมาใส่กล่องเตรียมรับประทาน หรือพร้อมขาย

สำหรับแซนวิชไส้กรอกซอสมะเขือเทศต้นทุน ต่อชิ้น 14.06 บาท

ราคาแนะนำขาย 30 บาท  ได้กำไร 113.37 %

สอนวิธีการคิดต้นทุน กำไร อย่างง่าย

ราคาทุน 14.06 บาท

ราคาขาย 30 บาท

กำไร 15.94 บาท

% กำไร = 15.94 X 100 / 14.06

หากใช้มายองเนสชีส ยี่ห้อ เพียวฟู้ดส์ ต้นทุน ต่อชิ้น 15.37 บาท

ราคาแนะนำขาย 30 บาท  ได้กำไร 95 %

สอนวิธีการคิดต้นทุน กำไร อย่างง่าย

ราคาทุน 15.37 บาท

ราคาขาย 30 บาท

กำไร 14.63 บาท

% กำไร = 14.63 X 100 / 15.37

กรณีใช้ ชีสซี่ดิป แนะนำยี่ห้อชีสโตะ ถุงสีเหลือง ต้นทุน ต่อชิ้น 15.65 บาท

ราคาแนะนำขาย 30 บาท  ได้กำไร 91.69 %

สอนวิธีการคิดต้นทุน กำไร อย่างง่าย

ราคาทุน 15.65 บาท

ราคาขาย 30 บาท

กำไร 14.35 บาท

% กำไร = 14.35 X 100 / 15.65

นอกจากนี้ยังมี – แซนวิชแฮมชีส แซนวิชแฮมชีส ทำได้ไม่ยาก เริ่มต้นที่เลือกวัตถุดิบที่ดี และ ที่สำคัญใช้มายองเนสเป็นตัวผสานให้ทุกรสชาติของวัตถุดิบที่เตรียมเข้ากันได้เป็นอย่างดี ต้นทุน ต่อชิ้น 21.79 บาท ราคาแนะนำขาย 35 บาท  ได้กำไร 60.62 %

– แซนวิชทูน่ามายองเนส ต้นทุน ต่อชิ้น 24.32 บาท ราคาแนะนำขาย 35 บาท  ได้กำไร 43.91 %

– แซนวิชทูน่ามายองเนสชีส ต้นทุน ต่อชิ้น 25.36 บาท ราคาแนะนำขาย 35 บาท  ได้กำไร 38 %

นอกจากแซนวิชแล้วมายองเนสยังนำทำแฮมเบอร์เกอร์ได้อร่อยไม่แพ้แซนวิช และยังได้โปรตีนจากส่วนของเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นไส้ของแฮมเบอร์อีกด้วย จะขอแนะนำการทำแฮมเบอร์เกอร์สองชนิดซึ่งไว้ทำกินเองก็ได้ ทำขายก็มีกำไร

  1. แฮมเบอร์เกอร์ ปลาทอดสไปซี่เป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ กินแล้วได้โปรตีนและกรดโอเมก้า 3ที่มีประโยชน์

ส่วนผสม

– ปลาดอร์รี่

– ไข่  5 ฟอง

– ชีสหั่นฝอย

– เกล็ดขนมปัง

– แป้งอเนกประสงค์

– ซอสมายองเนส สไปซี่ศรีราชา ของ เพียวฟูดส์ 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1) เริ่มด้วยการเตรียมเนื้อปลาดอร์รี่ หั่นส่วนท้องของปลาดอร์รี่ออก ให้เหลือเนื้อสวย ๆ

2) จากนั้นตอกไข่ 5 ฟอง ตีให้เข้ากัน พร้อมทั้งเตรียมถาดใส่แป้งอเนกประสงค์และเกล็ดขนมปังไว้

3) นำเนื้อปลาดอร์รี่ที่เตรียมไว้มาคลุกแป้งอเนกประสงค์ให้ทั่ว แล้วนำไปจุ่มไข่แดงที่ตีไว้ ตามด้วยเกล็ดขนมปัง แล้วนำไปแช่เย็น 1 ชั่วโมง

4) ตั้งกระทะ กะประมาณใส่น้ำมันให้ท่วมเนื้อปลาที่จะนำมาทอด เมื่อน้ำมันร้อนแล้วนำเนื้อปลาออกมาทอด ให้มีสีเหลืองทองสวย

5) นำชีสหั่นฝอยวางลงบนเนื้อปลาดอร์รี่ที่ทอดแล้วนำไปอบเพื่อให้ชีสละลาย

6) นำขนมปังเบอร์เกอร์ออกมาทาเนยทั้ง 2 แผ่น เสร็จแล้วนำไปย่างบนกระทะ ให้ด้านในสุกดี

7) เริ่มประกอบแฮมเบอร์เกอร์ โดยนำแผ่นขนมปังมาวางผักสลัดลงไป ตามด้วยเนื้อปลา ราดด้วยซอสมายองเนส สไปซี่ศรีราชา ของ เพียวฟูดส์ ที่เตรียมไว้ ประกบขนมปังด้านบน เป็นอันเสร็จ

  1. เบอร์เกอร์กุ้งขนมปังประกบกุ้งลวก มายองเนส

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

– ขนมปังเบอร์เกอร์ 2 คู่

– กุ้งลวก 8-10 ตัว

– เรียลมายองเนส ของ เพียวฟูดส์ 1/4 ถ้วย

– น้ำเลมอน 1 ช้อนชา

– เซเลรีหั่นแว่นบาง 1/3 ถ้วย

เกลือ

งาขาวคั่วเล็กน้อย

เนยเค็ม พักให้นุ่มเล็กน้อย

วิธีทำ

1) หั่นขนมปังเบอร์เกอร์ทาเนยให้ทั่ว แล้วนำเข้าอบในเตาอบให้เหลือง หรือใช้วิธีนาบกระทะก็ได้

2) ผ่าครึ่งเนื้อกุ้งให้บางผสมกับมายองเนส น้ำเลมอน เซเลรี และเกลือ คลุกให้เข้ากันตักวางบนขนมปังเบอร์เกอร์ที่อบเหลืองแล้ว จากนั้นประกอบอีกแผ่นเข้าด้วนกันก็เป็นอันเสร็จ

ดังที่กล่าวมาสำหรับผู้ที่สนใจจะหาได้รายเพิ่มจากแซนวิช หรือ เบอร์เกอร์ หรือดิปที่จะใช้คู่กับอาหารทอด พอจะได้ไอเดียเมนูอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมีมายองเนสหลากหลายรสชาติของ เพียวฟูดส์ เป็นตัวหลักในการเพิ่มความอร่อยและมูลค่าของสินค้า

เป็นไงกันบ้างทุกคน หวังว่าที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย

กลับ

หน้าหลัก

สินค้าทั้งหมด

Purefoods

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *